ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับพนักงาน

บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย/กลุ่มบริษัท (รวมเรียกว่า “บริษัท”) ตระหนักและเคารพในความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน (“ท่าน”) บริษัทจึงได้จัดทำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ต่อไปนี้เรียกการดำเนินการดังกล่าวรวมกันว่า “การประมวลผล”) ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังต่อไปนี้

วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(1) การจัดทำสัญญาจ้างงาน ข้อตกลง การปฏิบัติตามสัญญาจ้างงาน การจ่ายค่าตอบแทน หรือผลประโยชน์อื่นใดให้กับท่าน การปฏิบัติตามสัญญา
(2) การปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคล จรรยาบรรณของบริษัท การมอบหมายให้ปฏิบัติงาน การโยกย้ายพนักงาน การเปลี่ยนตัวนายจ้าง การส่งพนักงานไปปฏิบัติงานในบริษัทและ/หรือองค์กรอื่น (Secondment) การฝึกอบรม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตำแหน่งงานและค่าตอบแทน การปฏิบัติตามสัญญาความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(3) การดำเนินการตามคำขอเบิกค่ารักษาพยาบาล การพิจารณาอนุมัติการให้ค่ารักษาพยาบาล การปฏิบัติตามสัญญา
ความยินยอม
(4) การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์และจัดสรรกำลังคน การพัฒนาพนักงาน การจัดสวัสดิการรักษาพยาบาล การจัดสวัสดิการด้านการประกันภัย และสวัสดิการอื่นๆ ของพนักงาน การดำเนินการเรื่องกิจกรรมพนักงาน การบริหารด้านการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การติดต่อกับบุคคลภายนอก การดำเนินการต่างๆ ทางทะเบียน การมอบอำนาจ การจัดทำหนังสือรับรอง การจัดทำเอกสารเผยแพร่แก่สาธารณะ การจัดทำรายงาน การยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจากพนักงาน การวิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงาน การติดต่อ การส่งข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก การติดตามและควบคุมดูแลระบบการปฏิบัติงานของพนักงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลพนักงานหลังจากสิ้นสุดการเป็นพนักงานของบริษัท เป็นต้น การปฏิบัติตามสัญญา

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(5) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ การสร้างบัญชีผู้ใช้งาน การระบุตัวตนเพื่อเข้าใช้ระบบงานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(6) เพื่อเป็นข้อมูลและเอกสารประกอบการดำเนินงานใด ๆ กับธนาคาร สถาบันการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานภายนอกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(7) เพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมลภายในบริษัทและบริษัทในกลุ่ม เว็บไซต์ของบริษัท Facebook LINE YouTube หรือสื่อออนไลน์อื่น ๆ ของบริษัท หรือสื่ออื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
ความยินยอม
(8) เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบรวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานภายในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานบัญชีการเงิน ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(9) เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับการโอนสิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ใด ๆ เช่น การควบรวมกิจการ การแยก หรือ การโอนกิจการ หรือซึ่งได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(10) เพื่อติดต่อสื่อสารและส่งข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่พนักงานทั้งในขณะที่ยังเป็นพนักงานและหลังจากสิ้นสุดการเป็นพนักงานของบริษัท ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(11) เพื่อการสืบสวน สอบสวนเรื่องร้องเรียนภายในองค์กร การป้องกันการทุจริต การพิจารณาวินัยตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับการทำงานการรักษาความปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม การติดตามและตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัทหรือการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายอื่นใด รวมทั้งการตรวจสอบและจัดการข้อร้องเรียนและข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัท หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(12) ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายเงินทดแทน กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน กฎหมายควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กฎหมายโรคติดต่อ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยและการประกันชีวิต เป็นต้น การปฏิบัติตามกฎหมาย
(13) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร การปฏิบัติตามกฎหมาย
(14) เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล

1.2 กรณีที่บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น บริษัทอาจขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม โดยจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านเป็นคราว ๆ ไป (ตามแต่กรณี)

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีบริษัทอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏแก่สาธารณะอย่างชัดแจ้ง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้นในกรณีดังกล่าว บริษัทจะเลือกเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่ท่านเลือกให้ปรากฏต่อสาธารณะเท่านั้น  โดยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัททำการประมวลผล มีดังต่อไปนี้
  2.1 ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาพนักงานที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท เช่น Curriculum Vitae (CV) Resume เอกสารสมัครงาน ความเห็นประกอบการสรรหาพนักงาน เป็นต้น
  2.2 ข้อมูลส่วนตัวของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด น้ำหนัก ส่วนสูง เลขที่บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง หมู่โลหิต สัญชาติ ศาสนา สถานะการสมรส ความสนใจความคิดเห็น เป็นต้น
  2.3 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail address) หมายเลขโทรศัพท์ Line ID ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์
  2.4 เงื่อนไขในการปฏิบัติงาน เช่น สามารถปฏิบัติงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศได้หรือไม่ พื้นที่ที่ต้องการปฏิบัติงาน
  2.5 ข้อมูลของคู่สมรส บุตร บิดา มารดา เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง วันเดือนปีเกิด สัญชาติ หมู่โลหิต การศึกษา ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์
  2.6 ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของพนักงานที่มีสิทธิได้รับสวัสดิการตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท เช่น ผู้รับผลประโยชน์ เป็นต้น ทั้งนี้ ก่อนการให้ข้อมูลกับบริษัท ให้ท่านแจ้งประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ให้บุคคลดังกล่าวทราบด้วย 
  2.7 รูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหวและบันทึกภาพและ/หรือเสียงจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“กล้องวงจรปิด”) โดยบริษัทจะติดป้ายให้ทราบว่ามีการใช้กล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่ในความดูแลรับผิดชอบของบริษัท
  2.8 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถ และการพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่นๆ ของท่าน เช่น ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา สถาบันการศึกษา/มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ผลการศึกษา ผลการทดสอบ สิทธิในการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางด้านภาษา และความสามารถอื่นๆ ข้อมูลจากการอ้างอิงที่ท่านได้ให้แก่บริษัท เป็นต้น
  2.9 ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงาน ประวัติการทำงานก่อนและเมื่อเข้าเป็นพนักงานของบริษัท ดังนี้
    (1) ข้อมูลก่อนเข้าเป็นพนักงานของบริษัท เช่น รายละเอียดของตำแหน่ง หน้าที่ค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับจากนายจ้างเดิม รายละเอียดของนายจ้างเดิม สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของนายจ้างเดิม เป็นต้น
    (2) ข้อมูลเมื่อเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว เช่น ตำแหน่ง หน้าที่ ค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับจากบริษัท สังกัด สถานที่ทำงาน ตั้งแต่เข้าเป็นพนักงานจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น
  2.10 ข้อมูลเกี่ยวกับภาระทางทหาร 
  2.11 รายละเอียดของบุคคลที่อ้างอิง และรายละเอียดของผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ ก่อนการให้ข้อมูลกับบริษัท ให้ท่านแจ้งประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ให้บุคคลดังกล่าวทราบด้วย
  2.12 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของท่าน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความผูกพันต่อองค์กร เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่บริษัทอาจได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์ของบริษัท ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานของท่าน ในระหว่างการปฏิบัติงานหรือเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท
  2.13 ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการรายงานหน่วยงานที่ควบคุมหรือกำกับดูแล เช่น กระทรวงแรงงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Singapore Exchange : SGX) เป็นต้น
  2.14 ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลค่าจ้าง เงินเดือน รายได้ ภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีที่ท่านมีอยู่กับธนาคาร การกู้ยืมเงิน รายการยกเว้นหรือหักลดหย่อนภาษี เป็นต้น
  2.15 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม เงินทดแทน การคุ้มครองแรงงาน แรงงานสัมพันธ์ สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และผลประโยชน์ที่ท่านได้รับหรือมีสิทธิที่จะได้รับตามข้อบังคับและระเบียบบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท 
  2.16 บันทึกการเข้าออกงานและระยะเวลาในการปฏิบัติงาน การทำงานล่วงเวลาไม่ว่าในวันทำงานปกติหรือในวันหยุด การทำงานในวันหยุด การขาดและการลางาน สถานที่ปฏิบัติงาน
  2.17 ข้อมูลการใช้งานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ ระบบงาน เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ระบบโครงข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์การใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน (Password) รหัสประจำตัว (Personal Identification Number : PIN) ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้ เช่น หมายเลขอ้างอิงของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (IP Address) ข้อมูลพิกัดตำแหน่งที่อยู่ (Location Data) หรือรหัสบ่งชี้อุปกรณ์ (device identifier) อื่นๆ ชนิดและเวอร์ชันของเบราว์เซอร์ (Browser) ที่ท่านใช้ รวมถึงชนิดและเวอร์ชันของโปรแกรมเสริม (plug-in) ของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา (Time zone)
  2.18 ข้อมูลที่รวบรวมจากการมีส่วนร่วมกับบริษัท เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม การตอบแบบสำรวจ การตอบแบบประเมิน เป็นต้น
  2.19 ข้อมูลที่ท่านเลือกจะแบ่งปันและเปิดเผยผ่านระบบ แอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถาม แบบประเมิน และเอกสารต่างๆ ของบริษัท 
  2.20 สำเนาเอกสารที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของท่าน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง เอกสารอื่นๆ ที่ออกให้โดยหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น
  2.21 สำเนาเอกสารใบอนุญาตการทำงาน หรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการศึกษา
  2.22 ข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะ (เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี) ใบอนุญาตขับขี่ รายการจดทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ และกรณีที่ท่านขับขี่ยานพาหนะที่บริษัทจัดหาให้ บริษัทจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ยานพาหนะของท่านด้วย
  2.23 ข้อมูลอื่นที่จำเป็นต่อการตรวจสอบความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลการถือหุ้นและความสัมพันธ์กับคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันและ/หรือคู่แข่งทางการค้ากับบริษัท เป็นต้น 
  2.24 ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ทั้งในกรณีที่ท่านประสบอุบัติเหตุในเวลางานหรืออันเนื่องมาจากการปฏิบัติงาน และอุบัติเหตุอื่นๆ 
  2.25 ข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ
การวิเคราะห์และการบริหารงานของบริษัท การดูแลพนักงานหลังจากสิ้นสุดการเป็นพนักงานของบริษัท และการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ
  2.26 ข้อมูลที่เกี่ยวกับการร้องเรียน การร้องทุกข์ การแจ้งเบาะแส (Whistleblowing) การสอบสวน การลงโทษทางวินัย 
  2.27 ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อบริษัท หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือเพื่อเข้าทำสัญญาแก่บริษัท อาจทำให้การปฏิบัติงานตามสัญญาและสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการหรือบริการที่บริษัทจัดไว้ให้แก่พนักงานไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ (ตามแต่กรณี)

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

  3.1 บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไป
  3.2 บริษัทอาจต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้
    (1) ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ผลการตรวจร่างกาย หมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการจ่ายยา ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงานและการจัดให้มีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับพนักงาน การประเมินความสามารถในการทำงานของพนักงาน การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของพนักงานสำหรับการบริหารจัดการที่เหมาะสมอื่นๆ เป็นต้น 
    (2) ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เพื่อใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของท่าน การป้องกันอาชญากรรม การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ และการรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของผู้อื่น เป็นต้น 
    (3) ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงานและรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของผู้อื่น โดยบริษัทจะเก็บจากหลักฐานที่ท่านนำมาแสดงหรือท่านยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด
    (4) เชื้อชาติ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
    (5) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวอื่นๆ ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของท่าน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม เงินทดแทน และสวัสดิการของพนักงาน เป็นต้น 
  3.3 ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวนั้นบริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นรายกรณีไปและจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน

4. คุกกี้

กรณีที่ท่านเข้าใช้งานสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของบริษัท เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและไซเบอร์ เป็นต้น บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ใน ประกาศการใช้งานคุกกี้

5. การถอนความยินยอมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอม

  5.1 กรณีที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ดำเนินการไปแล้วก่อนที่ท่านจะถอนความยินยอม
  5.2 การที่ท่านถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางประการอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางประการหรือทั้งหมดตามที่บริษัทแจ้งไว้ในประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไปได้

6. ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น

  6.1 กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
    (1) แจ้งรายละเอียดตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทให้บุคคลนั้นทราบรวมทั้งขอความยินยอมจากบุคคลนั้น (กรณีที่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล)
    (2) ดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
  6.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่บริษัทอาจใช้ในการประมวลผลรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เพศ ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง สัญชาติ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่ สถานที่ทำงาน เอกสารทางการเงิน ความสัมพันธ์กับท่าน ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์

7. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ

  7.1 กรณีที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุคคลดังกล่าวตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (แล้วแต่กรณี)
  7.2 กรณีที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ แต่บริษัทไม่ทราบในขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลว่าเจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และต่อมาบริษัทได้ทราบในภายหลังว่าบริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุคคลดังกล่าวตามข้อ 7.1 บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นผู้เยาว์คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวได้โดยอาศัยเหตุอันชอบด้วยกฎหมายและไม่ต้องขอความยินยอม

8. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

  8.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่กฎหมายอนุญาตให้มีระยะเวลาเก็บรักษาที่นานกว่านั้น กรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวมโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
  8.2 บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาที่ท่านเป็นพนักงานของบริษัทเพื่อปฏิบัติตามสัญญา และเก็บรักษาตามระยะเวลาที่จำเป็นหลังจากสิ้นสุดการเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว 
  8.3 บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นต่อการประมวลผลเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุในประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองต่อสิทธิของท่านในการได้รับสวัสดิการตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท
  8.4 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้จากการบันทึกกล้องวงจรปิดตามระยะเวลาดังนี้
    (1) ในสถานการณ์ปกติ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ 1 ปี นับแต่วันที่กล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลไว้
    (2) ในกรณีจำเป็น เช่น การใช้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดี หรือกรณีที่ท่านร้องขอ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เกินกว่า 1 ปีนับแต่วันที่กล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลไว้ และบริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของท่านเมื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวเสร็จสิ้นครบถ้วนแล้ว
  8.5 กรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอถอนความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำร้องขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยถอนความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้

9. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  9.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่กลุ่มบริษัท บุคคลที่บริษัทมอบหมายให้เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรึกษา สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร การจ้างงาน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างช่วงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรที่มีการร่วมมือกันกับบริษัท (Co-branding) บุคคลและ/หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์หรือมีนิติสัมพันธ์กับบริษัท ผู้สนใจจะรับโอนสิทธิและหน้าที่ของบริษัท ผู้ประสงค์จะควบรวมกิจการกับบริษัทไม่ว่าในรูปแบบใด องค์กรที่เกี่ยวข้องกับดัชนีความยั่งยืน สถานพยาบาลและ/หรือหน่วยกู้ภัย (กรณีฉุกเฉินเพื่อปกป้องประโยชน์ของท่าน) หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้ร้องขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลของท่านโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายและ/หรือตามนิติกรรมสัญญาที่ท่านทำไว้กับผู้นั้น และ/หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใดที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ (รวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง ผู้บริหาร กรรมการ ผู้ถือหุ้น ตัวแทน และที่ปรึกษาของบริษัทและของผู้รับข้อมูลดังกล่าวด้วย) เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไป และ/หรือปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย
  9.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ 
  9.3 บริษัทจะดำเนินการให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเก็บรักษาข้อมูลนั้นไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไป และ/หรือการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย

10. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

กรณีที่บริษัทจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ รวมถึงนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเก็บบนฐานข้อมูลในระบบอื่นใดที่อยู่ในต่างประเทศ บริษัทจะควบคุมดูแลให้ผู้รับโอนข้อมูลหรือผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลที่อยู่ในประเทศปลายทางที่รับหรือเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศผู้โอนข้อมูลส่วนบุคคล (ถ้ามี) กรณีที่ผู้รับโอนข้อมูลหรือผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลในประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงพอเทียบเท่ามาตรฐานที่กฎหมายของประเทศผู้โอนข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทจะดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่โอนไปต่างประเทศดังกล่าวได้รับการคุ้มครองในระดับเดียวกับที่บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

11. มาตรการรักษาความมั่นคงความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

  11.1 บริษัทจะกำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือยืนยันตัวบุคคลผู้เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ภายใต้มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
  11.2 บริษัทจะจัดให้มีวิธีการทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าสู่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต
  11.3 กรณีที่บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้อื่น บริษัทจะดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันมิให้ผู้นั้นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพียงเท่าที่จำเป็นและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบและ/หรือได้รับความยินยอมจากท่านเป็นคราว ๆ ไป
  11.4 บริษัทจะจัดให้มีระบบตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลออกจากระบบการจัดเก็บเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผล หรือเมื่อท่านร้องขอหรือขอถอนความยินยอม
  11.5 กรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทจนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลให้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าเว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล และในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุการละเมิดให้ท่านทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
  11.6 บริษัทจะบันทึกรายการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือในระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เจ้าของข้อมูลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตรวจสอบได้

12. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

  12.1 ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้
    (1) ขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
    (2) ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือขอให้ถ่ายโอนข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้อื่น
    (3) คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้
    (4) ขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้
    (5) ขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้
    (6) ขอแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    (7) ถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้แก่บริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือนิติกรรมสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
    (8) ร้องเรียนต่อหน่วยงานที่มีอำนาจกรณีที่ท่านเชื่อว่าการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  12.2 ท่านสามารถใช้สิทธิตามข้อ 12.1 ได้ โดยติดต่อไปยังบุคคลที่ระบุในข้อ 14.
  12.3 บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธการดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อบริษัทมีเหตุผลอันสมควรและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิดภาระแก่บริษัทเกินสมควร เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติ เป็นการขัดต่อกฎหมาย การใช้สิทธิดังกล่าวของท่านมีหรืออาจจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นหรือกรณีที่บริษัทมีอำนาจตามกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน

13. ประกาศหรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่น

กรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทและท่านได้กดลิงก์ต่างๆที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันดังกล่าวเพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นไม่ว่าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันนั้นจะเป็นของบริษัทหรือไม่ก็ตาม ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามประกาศหรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นด้วย และบริษัทไม่รับผิดชอบในเนื้อหาหรือมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นนั้น และหากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่เจ้าของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นไป ท่านรับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าบริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่า

14. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
Helpdesk HC
โทรศัพท์ 02-078-5858 หรือ อีเมล helpdesk.hc@thaibev.com
PDPA Contact Center
โทรศัพท์ 02-975-5566 หรือ อีเมล pdpa_info@sermsukplc.com

15. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหรือช่องทางการสื่อสารอื่นของบริษัท โดยประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศให้ท่านทราบ